อาสาสมัครจากไทยยูเนี่ยนร่วมเก็บขยะกว่า 11 ตันจากท้องทะเล เนื่องในวันมหาสมุทรโลก

กรุงเทพฯ – 10 มิถุนายน 2567 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมเก็บขยะทะเลในชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา แอฟริกา และยุโรป เนื่องในวันมหาสมุทรโลก โดยในปีนี้มีอาสาสมัครไทยยูเนี่ยน จำนวน 470 คน ร่วมกันเก็บขยะทะเล 9 แห่ง ในพื้นที่ 4 ทวีป เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange®2030 เรื่องการลดขยะพลาสติกในทะเลไม่ให้ปนเปื้อนสู่แม่น้ำลำคลองและทะเลให้ได้ตามเป้าหมาย 1,500 ตัน ภายในปี 2573

กิจกรรมครั้งนี้อาสาสมัครไทยยูเนี่ยนสามารถเก็บขยะได้ทั้งหมด 11,036 กิโลกรัม โดยเก็บจากสถานที่ 9 แห่ง ได้แก่ บริเวณป่าชายเลน แม่น้ำ ชายหาด และเมือง ในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา กานา สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และอิตาลี โดยประเภทขยะที่พบมากที่สุดได้แก่ ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก โฟม อุปกรณ์ประมงเก่า และก้นบุหรี่มากกว่า 10,000 ชิ้น

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในฐานะบริษัทอาหารทะเลชั้นนำระดับโลก ไทยยูเนี่ยนมองว่าความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นเราจึงมุ่งปกป้องดูแลทรัพยากรในมหาสมุทรและระบบนิเวศให้ดี โดยเรามีเป้าหมายที่ท้าทายเพื่อมุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก และเพื่อเดินหน้าความรับผิดชอบตามพันธกิจที่วางไว้ โดยเรายังมีแผนจัดกิจกรรมเก็บขยะเพื่อสิ่งแวดล้อมอีก 4 ครั้ง และจะดำเนินการต่อเนื่องตลอดทั้งปี"

โดยในประเทศไทย มีอาสาสมัครทั้งหมด 26 คน จากไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม โอคินอส ฟู้ด และไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ พร้อมด้วยอาสาสมัครอีก 224 คน จากองค์กรท้องถิ่นและโรงเรียนจากชุมชนท้องถิ่น 4 แห่ง เข้าร่วมกันเก็บขยะ จำนวน 2,237 กิโลกรัม ณ ศูนย์วิจัยทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร  

ในสหรัฐอเมริกา มีอาสาสมัคร 47 คนเก็บขยะรวม 65 กิโลกรัม บริเวณใกล้สำนักงานบริษัทฯ ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย บริเวณพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแมนฮัตตันบีช ราวด์เฮาส์ และที่บริเวณเขตคุ้มครองสัตว์ป่า Bullard Creek Wildlife Management Area Hazlehurst ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงงานเมืองลียง รัฐจอร์เจีย

ในกานา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน  Pioneer Food Cannery หรือ PFC มีอาสาสมัคร 97 คน พร้อมด้วยสมาชิกจากองค์กรพันธมิตรและชุมชนร่วมกันทำความสะอาดชายหาด ที่จอดเรือแคนู และพื้นที่โดยรอบใกล้โรงงานในเมืองเทมา โดยสามารถเก็บขยะและอุปกรณ์ประมงเก่าได้จำนวน 8,600 กิโลกรัม นอกจากนี้ PFC ยังได้จัดกิจกรรมบริจาคเลือดให้กับโรงพยาบาลเทมา เจเนอรัลอีกด้วย

ในยุโรป มีอาสาสมัคร 77 คนจากนอร์เวย์, สหราชอาณาจักร, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส และอิตาลี ช่วยกันเก็บขยะจำนวน 134 กิโลกรัม ในเมือง แม่น้ำ และชายหาด

นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท 100 เปอร์เซ็นต์จะต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนภายในปี 2568 และไทยยูเนี่ยนจะสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ผลิตให้กับคู่ค้าอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนเช่นกัน นอกจากนี้ เรายังร่วมมือกับพันธมิตร Global Ghost Gear Initiative (GGGI) เพื่อลดปัญหาการทิ้งอุปกรณ์จับปลาในท้องทะเลทั่วโลก ในการลดขยะพลาสติกในท้องทะเลให้ได้ 1,500 ตันภายในปี 2573”

สำหรับขยะที่เก็บรวบรวมได้ในวันมหาสมุทรโลกจะถูกนำไปคัดแยกและจดบันทึกตามแนวทางของ International Coastal Cleanup  โดยขยะที่สามารถรีไซเคิลได้จะถูกดำเนินการโดยบริษัทที่รับการจัดการขยะในพื้นที่ ส่วนขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้จะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานกำจัดขยะในพื้นที่

ตั้งแต่ไทยยูเนี่ยนเข้าร่วมโครงการเก็บขยะระดับโลก อาสาสมัครทั่วโลกสามารถรวบรวมขยะได้เป็นจำนวน 25,171 กิโลกรัม

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมา 47 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 136,153 ล้านบาท (3,912 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship

ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 พร้อมขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน และยังได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับหนึ่ง 3 ปีติดต่อกัน และในปี 2566 ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2023 ตลอดจนได้รับผลการประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนระดับ B จากสถาบันประเมินความยั่งยืนที่น่าเชื่อถือระดับโลก Carbon Disclosure Project (CDP) สะท้อนความความโปร่งใสและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ในปี 2566 ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนได้ที่ seachangesustainability.org